#ไม่ต่างหลินฮุน EP.22 : Unexpected
#ไม่ต่างหลินฮุน EP.22 : Unexpected
Jean’s Part
ท่ามกลางหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีมรกต ผู้คนที่ยังคงโลดแล่นเล่นสนุกและมีความสุขกับในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
มีเพียงผมที่ทำได้เพียงพยายามฝืนยิ้มให้กับภาพที่เป็นเหมือนจินตนาการที่แสนจะอ่อนโยนกับเด็กๆทุกคนตรงหน้า
เว้นแต่เพียงผมที่ไม่คิดเช่นนั้น
นึกถึงทีไร กลับรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆทุกที
บางคนอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ข้างในก้นลึกของหัวใจผม ถ้าหากไม่พยายามที่จะทำความเข้าใจกับมัน
การที่ต้องตะเกียกตะกายทำให้ตัวเองนั้นพ้นผืนน้ำทะเลที่กว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทรนั้นมันยากแค่ไหน
ความอึดอัดและทรมานจากแรงดันของน้ำที่ทำให้ออกซิเจนมันค่อยๆจางหายไป
การที่ทำได้เพียงแต่มองขึ้นไปด้านบนและปล่อยให้ตัวค่อยๆจมลงไปอย่างน่าใจหาย
ผมไม่เคยลืม
ถ้าผมลืมเรื่องพวกนั้นไปได้
ผมอาจจะใช้ชีวิตได้ง่ายกว่านี้
“ เขมคิดถึงเบ้บนะ ”
ผมก้มลงมองแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัว แล้วทำได้เพียงอมยิ้มกับตัวเองบางๆ
ผมอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าความรู้สึกที่มันตีกันอยู่ตอนนี้มันคืออะไร
แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้เห็นข้อความพวกนี้จากเขา
ถึงแม้ผมจะไม่อาจมั่นใจว่าเขาตั้งใจจะหมายถึงผมหรือใคร
แต่ขอให้ผมได้มีความสุขกับแค่ช่วงเวลาเดียวก็เกินพอ
ช่วงเวลา..
กับคนที่ผมรักมาตลอด
ผมไม่เคยเลิกรักเขมได้เลย ถึงแม้เขาจะเคยทำร้ายจิตใจผมมามากมายขนาดไหน
มันกลับต่างจากความรู้สึกด้านชาเหมือนรักครั้งก่อนที่ไม่สมหวังของผม
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงวางโทรศัพท์กลับไปไว้ที่เดิมแล้วทอดสายตาออกไปให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผืนน้ำทะเลที่แสนจะกว้างใหญ่ แต่กลับปะปนไปด้วยความอ้างว้างถึงแม้จะมีผู้คนเดินพลุกพล่านกันในยามเย็น
ผมหลับตาลงรับสายลมทะเลที่ยังคงปลิวโกรกอย่างแผ่วเบา ซึมซับกลิ่นอายที่ผมห่างหายไปนานจนแทบจะจำมันไม่ได้
ครืด
เสียงโทรศัพท์ของผมสั่นขึ้น ผมเหลือบไปมองที่หน้าจอก็พบว่าเสียงเรียกเข้าที่โทรเข้ามานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติ ก่อนจะกดรับสายโดยทันที
“ ว่าไงพี่จอม ” ผมกรอกเสียงลงไปอย่างร่าเริง แต่มีหรือที่พี่ชายคนนี้จะจับเท็จไม่ได้เสียทีเดียว
( ถอนหายใจก่อนรับนานเนอะ ) ปลายสายตอบกลับมา ทำให้ผมถึงกับหลุดขำออกมาเล็กน้อยกับการรู้ทันของพี่ชาย
พี่จอมน่ะ รู้ทันผมหมดทุกอย่างแหละ
ขนาดไม่ได้บอก ไม่ได้อยู่ด้วย เขายังรู้เลย
“ แปปเดียวเองนะ ” ผมตอบกลับไป
( เป็นไงบ้าง )
“ ก็.. ก็สวยดี ”
( หมายถึงเราน่ะ เป็นไงบ้าง )
( ถ้าไม่ไหวอย่าฝืนเลยนะจีน พี่เป็นห่วง ) ผมยิ้มจางๆออกมาเพียงเพราะประโยคสั้นๆที่ปนไปด้วยความหมาย
“ น้องพี่จอมเก่งจะตาย แค่นี้ ทำได้อยู่แล้ว ”
( ให้จริงเถอะเรา อย่าให้บาสมันมาฟ้องนะ )
“ มันเป็นสายให้พี่จอมด้วยหรอไง เดี๋ยวนี้หัดจ้างเพื่อนจีนแล้วหรอ ”
( ฮ่ะๆ แล้วนี่เราทำอะไรอยู่ ได้ทำอะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย )
“ ยังเลย นั่งอยู่ริมๆหาดนี่แหละ เพื่อนถ่ายงานกันอยู่อีกฟากนึง ตรงนั้นมันไม่มีที่นั่ง ”
( เป็นไง สุดท้ายข้ามไปเพื่อนก็ไม่ให้ทำ จะเสี่ยงไปทำไม )
“ จีนไม่เป็นอะไรหรอกพี่จอม จีนโตแล้วนะ ” ผมตอบกลับไป แต่ปลายสายกลับเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา
“ อ่า.. พี่จอม จีนไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ ”
( บางทีพี่ก็มองว่าเรายังคงเป็นเด็กสำหรับพี่เสมอ ไม่ว่าเราจะโตมากขึ้นแค่ไหน )
( แต่พี่พูดคำไหนก็คำนั้นอยู่แล้ว โตแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้นะ )
“ อื้อ รู้แล้ว พี่จอมไม่ต้องห่วงนะ ”
“ ไม่แน่ครั้งนี้จีนอาจจะกล้าลงไปเล่นน้ำกับเพื่อนก็ได้นะ ” สิ้นประโยคของผม พี่ชายคนโตก็ทำได้เพียงตักเตือนให้ระวังตัวบ้างก็เท่านั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายขอวางสายไป
น้ำตาของผมรื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ
ความฝันและความสนุกในวัยเด็กของผมหายไปเพียงเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นครั้งเดียว
ผมเกลียดที่นี่
ผมเกลียดทะเล
ภาพของแสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามาในดวงตาของผมที่พยายามตะเกียกตะกายว่ายขึ้นฝั่งแต่กลับขึ้นไปไม่ได้ย้อนกลับมาทำร้ายตัวผมอีกครั้ง
ช่างน่าละอายสิ้นดี
ผมส่ายหัวไล่ความทรงจำแสนเจ็บปวดของตัวเองให้พ้นสมอง
น้อยคนนักที่มักจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นในชีวิต
แต่ผมกลับเป็นหนึ่งในนั้น
ในวันที่หัวใจของผมหยุดเต้นไปแล้วเกือบสามนาที ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นกับผมให้ได้กลับมามองตาดูโลกอีกครั้ง
โลกที่แสนโหดร้าย
ผมกลับชอบนึกคิดเสมอว่าถ้าวันนั้นผมไม่พยายามขอวอนพระเจ้าให้ส่งผมกลับมาหาคนที่ผมรัก
ผมจะมีความสุขกว่านี้ไหม
หรือผมอาจจะไม่ต้องเจ็บปวดกับเรื่องใดๆอีกเลย
ผมหลับตาลงให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆโดยที่ไม่คิดจะห้ามมัน
ยิ่งห้าม ยิ่งทรมานเสียด้วยซ้ำ
ถ้อยคำมากมายของหลายเสียงที่สะท้อนกลับเข้ามาในหูของผม
ผมทำได้เพียงยิ้มรับกับทุกข้อสันนิษฐาน ข้อกล่าวหา หรือแม้กระทั่งคำตัดสินตัวตนของผมที่คนอื่นมักชอบมาตัดสินผมเหมือนผมเป็นเพียงจำเลย
ผู้คนที่พลุกพล่านก็ค่อยๆจางลง ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม เป็นการบ่งบอกเวลาพบค่ำ ผมชันตัวให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ผ้าใบ และมุ่งตรงไปบริเวณที่น้ำทะเลยังคงซัดขึ้นมากระทบกับทราย ปล่อยให้น้ำเย็นกระทบกับฝ่าเท้าอย่างหวั่นใจ
แต่ผมกลับถอยหนีออกมาเหมือนทุกครั้ง
มันยังคงเป็นเหมือนฝันร้ายที่น่ากลัวเสมอสำหรับผม
น้ำตาของผมค่อยๆไหลออกมาอีกครั้ง ผมยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาของตนออกลวกๆ
ผมอยากเข้มแข็งได้มากกว่านี้
ผมเบื่อตัวเองคนนี้เสียเหลือเกิน
ไม่เคยจะมีอะไรให้ตัวเองได้ภูมิใจเลยสักอย่าง
ทำไมมันยากขนาดนี้
“ ช.. ช่วยด้วย! ช่วย อัก ช่วยผมด้วย! ” เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น ผมรีบทอดสายตามองหาต้นตอของเสียงอย่างตกใจ
“ อึก.. ผม ช่วย.. ” สายตาของผมหยุดลงกับภาพตรงหน้า
เด็กชายคนหนึ่งที่กำลังตะเกียกตะกายให้พ้นเหนือน้ำอยู่กลางทะเล
เขากำลังจะจมน้ำงั้นเหรอ..
ผมจะทำยังไงดี
“ ชะ.. ช่วยผม อึก ด้วย ” เสียงนั้นยังคงดังขึ้นมาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ
เสียงนั้น ภาพตรงหน้านั้นทำให้ผมมองเห็นตัวเอง
ที่กำลังจะจม.. ลงไป เหมือนเด็กตรงหน้า
ผมปล่อยให้ใครพบเจอกับอดีตที่เลวร้ายเหมือนผมไม่ได้
มันโหดร้ายเกินไปกับชีวิตของคนคนนึง
“ ช่วยด้วยครับ มีคนจมน้ำ มีใครอยู่แถวนี้ไหม! ” ผมตะโกนลั่น แต่ยิ่งค่ำ ผู้คนเริ่มหายไปกันหมด
ผมหันไปมองเด็กผู้ชายคนนั้นที่มีท่าทีเหมือนจะจมแหล่ไม่จมแหล่อย่างฝืนทน
“ ผะ.. ผมหายใจ.. อึก ไม่ออก ” เขายังคงตะโกนกลับมาอีกครั้ง
ผมพยายามก้าวขาลงไป แต่ขาทั้งสองข้างของผมกลับชาและแน่นิ่ง
น้ำตาของผมไหลออกมาเพราะความหงุดหงิดใจ
ผมทำอะไรไม่ได้
ถ้าจีนโตขึ้น จีนจะเดินลงทะเลให้พี่จอมดูเลยนะ
แต่คำพูดนึงของผมก็ย้อนกลับมาบอกกับผมอีกครั้ง
ผมต้องทำได้สิ
ผมปล่อยให้ใครจมลงไปต่อหน้าต่อตาผมไม่ได้
ผมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหลับหูหลับตาวิ่งลงทะเล มันลึกขึ้นเรื่อยๆจนน้ำเกือบจะมิดช่วงต้นคอของผมจนทำให้ต้องพยายามว่ายน้ำอย่างทุลักทุเลเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี
“ อึก.. พี่.. ช่วยผมด้วย ” ผมรั้งร่างของเด็กชายที่ร่างเกือบจะมิดน้ำทะเลให้ลอยตัวสูงขึ้นอย่างทุลักทุเล พยายามหายใจเข้าออกให้คงที่มากที่สุด
“ อดทนนะ ว่ายกลับไป ” ผมรีบด่วนตอบไป ก่อนจะดันตัวน้องให้ค่อยๆว่ายกลับฝั่งไปพร้อมๆกับผม เพราะผมไม่สามารถพาร่างของน้องกลับมาได้ด้วยตัวเองจริงๆ
แค่ตัวเอง ยังไม่รู้จะพาถึงฝั่งเลยไหม
แม่ช่วยจีนด้วย
จีนหายใจไม่ออก
ตัวของผมหยุดชะงักเมื่อความคิดนึงของตัวเองย้อนกลับเข้ามา
ร่างกายหยุดทำงาน ผมหอบหายใจอย่างหวาดกลัว
แม่.. จีนกลัว
จีมอยู่ไหน..
ใครก็ได้ช่วยผมด้วย
อาการเลิกลักของผมเป็นเหตุให้การควบคุมตัวเองบกพร่อง เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว คำขอร้องอ้อนวอนของผม ภาพที่ผมไม่เคยลืม มันเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนเดจาวู
น้องคนนั้นหายไป ส่วนผมอยู่กลางทะเล
“ อึก.. ชะช่วยด้วย ” ผมเปล่งเสียงออกไปอย่างแผ่วเบา กลืนกินน้ำทะเลลงไปอย่างห้ามไม่ได้ สายตาพร่ามัวขึ้นทุกที ปลายเท้าของผมจิกเกร็ง ช่วงขาเกร็งจนรู้สึกถึงตะคริว
ร่างของผมที่พยายามตะเกียกตะกายให้พ้นเหนือน้ำกำลังจมดิ่งลงไปอย่างเชื่องช้าอีกครั้งเหมือนในวัยเด็ก
ความมืดเข้าครอบคลุม เหมือนตัวเองดิ่งลึกลงไปทุกที
ถ้าหากครั้งนี้ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับผม
มันก็คงเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแล้ว
ว่าผมจะต้องจบชีวิตลงด้วยสาเหตุใด
แต่ถ้าหากร่างของผมที่จมดิ่งลงไปนี้สิ้นใจไป
คงไม่น่าเสียดายเท่ากับเด็กผู้ชายคนนั้นที่ยังคงสามารถกลับไปใช้ชีวิตให้มีความสุขได้
ถือว่าผมได้ช่วยชีวิตเด็กคนนั้นแล้วกันนะ
ผมเหนื่อยจะฝืนขึ้นไปบนนั้นแล้ว
ถ้าผมขึ้นไปแล้วมันต้องจบแบบเดิม
ผมขอไม่รับรู้อะไรอีกแล้วดีกว่า
-
ในค่ำคืนที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟ มีเพียงแต่ความมืดมิดในยามราตรี น้ำทะเลยังคงไหลเชี่ยวอย่างน่ากลัว เขมกลับกล้าที่จะเผชิญความอันตรายนี้ไป
ขอเพียงแค่ตรงนั้นมีจีน
ไม่ว่าจะเจออะไร เขาพร้อมจะเผชิญกับมันเสมอ
“ จีน! ได้ยินมั้ย เบ้บ! ” เขมตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ
เขาเร่งเครื่องยนต์ของเรือให้เร็วขึ้นอย่างคุ้นเคย สมัยเด็กเขามักจะมาทำกิจกรรมแบบนี้กับครอบครัวเสมอ ไม่น่าแปลกใจที่เขมจะกล้าออกเรือมาคนเดียวในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้
เขมเทียบเรือจอดลงกับฝั่ง ก่อนจะเปิดดูโลเคชั่นจากโทรศัพท์ ที่จีมได้ส่งมาให้
เป็นที่นี่แน่นอน
เขมหยิบไฟฉายที่พกมาด้วยมาเปิดนำทาง ไม่วายจะตะโกนร้องเรียกชื่อคนที่กำลังตามหาเสียงดังลั่น
แต่หาจนทั่วทุกซอกทุกมุม ก็ไม่เจอ
เขาเคยมาที่นี่ เขาจำได้ว่ามันไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว
เขมยกมือขึ้นมาขย้ำศีรษะตนเองเพื่อระบายความเครียด น้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อยอย่างหมดหวัง
ถ้าเบ้บหายไป เขาจะทำยังไง
เขมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะต้องหาตัวจีนให้พบ
ถึงแม้จะยากลำบากสักเพียงไหน เขาต้องทำมันให้ได้
เขมย่างก้าวขึ้นเรือที่จอดไว้เมื่อครู่อีกครั้ง ก่อนจะสตาร์ทและออกเรือไปรอบข้างเกาะแทน
มืดขนาดนี้.. ไปอยู่ที่ไหนนะเบ้บ
เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว
“ เบ้บ! อยู่แถวนี้ไหม! ” เขมตะโกนถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับใช้ไฟฉายสาดส่องไปทั่วทุกทิศทาง
ก่อนที่สายตาจะสบเข้ากับร่างเล็กที่คุ้นเคย นอนแน่นิ่งอยู่ริมฝั่งไกลๆ
“ เบ้บ! นั่นจีนใช่มั้ย! ” เขมลุกลี้ลุกลนรีบเร่งเครื่องยนต์ให้เร็วขึ้นเพื่อให้ถึงที่หมาย ก่อนจะจอดเรือเทียบฝั่ง กระโดดลงมาแล้วรีบวิ่งไปหาร่างที่นอนอยู่ริมหาด
“ เบ้บ! ตื่นสิเบ้บ เป็นอะไร ” เขมรั้งร่างของจีนที่นอนไม่ได้สติมากอดแน่น ก่อนจะเขย่าตัวของร่างเล็ก
“ เบ้บ.. อย่าเป็นอะไรนะเบ้บ ” เขมคร่ำครวญอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาพยายามเรียกสติคนรักตรงหน้าแต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีปฏิกริยาตอบกลับแม้แต่น้อย
เขมเลื่อนมือไปจับชีพจรที่ลำคอของจีน ก่อนจะพบว่ามันช้าลงเรื่อยๆ
อย่างน้อยก็รู้ว่าตอนนี้จีนยังปลอดภัย
เขมดันร่างของจีนที่เปียกชุ่มให้นอนราบลงกับผืนทราย ก่อนจะพยายามลองผายปอดแบบในละครที่เขามักจะชอบทำกัน ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเลื่อนมือไปลองทำการนวดหัวใจแบบที่เคยเรียนตอนวิชาลูกเสือ
“ อึก.. ” เสียงสำลักน้ำของคนที่หมดสติดังขึ้น เขมรีบโน้มตัวเข้าพยุงร่างเล็กที่หอบหายใจถี่อีกครั้ง
“ เบ้บ! ได้ยินเขมมั้ย ” เขารีบถามออกไปอย่างเป็นกังวล
“ ข.. เขม ” จีนค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆก่อนจะเปล่งเสียงออกไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
เขมมาช่วยเขา
ปาฏิหาริย์ยังคงกลับมาเป็นครั้งที่สอง
“ จีน.. เป็นห่วงแทบแย่ ” เขมเบิกยิ้มกว้างก่อนจะดึงคนตัวเล็กมากอดเอาไว้แน่น น้ำตาของความดีใจไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนาเลื่อนไปลูบกลุ่มผมเปียกชุ่มของร่างบางอย่างสุขใจ
“ ห.. หะหายใจ ไม่ออก ” จีนเอ่ยขึ้นช้าๆอย่างได้ใจความ เสียงแหบพร่าของร่างเล็กทำเอาเขมถึงกับใจหาย เขาคลายอ้อมกอดออกก่อนจะนำหลังมือไปทาบลงที่หน้าผากของจีน มันร้อนอย่างกับน้ำต้มเดือด
“ ไข้ขึ้นแน่ๆ ไหวมั้ยเบ้บ ” เขมเริ่มแสดงสีหน้าเป็นกังวลเมื่อการตอบสนองของร่างเล็กช่างช้าเสียเหลือเกิน อาการหอบหายใจถี่ทำให้เขมถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“ เขม.. กู ” จีนพูดขึ้นแผ่วเบา
“ นึกว่าจะตาย.. แล้ว ” เขาพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหลับตาลงแล้วยิ้มให้กับคนที่กอดรัดร่างของเขาเอาไว้จางๆ
“ เขมไม่ยอมให้เบ้บตายหรอก อย่าพูดแบบนี้สิ ” เขมตอบกลับ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกดจูบลงที่หน้าผากร้อนผ่าวของจีน
“ ขอบคุณ.. นะ ” สิ้นประโยคของจีน เขมชันตัวขึ้นก่อนจะอุ้มร่างคนตัวเล็กมาอยู่ตรงบริเวณโขดหินที่เหมือนปากทางเข้าถ้ำ
เขาวางตัวจีนลงช้าๆ ก่อนจะหันมองมากิ่งไม้หรือท่อนไม้เพื่อมาก่อไฟ แต่สายตาก็ยังคงหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่นอนสั่นอยู่อย่างเป็นกังวล
เขานำท่อนไม้ที่พบเจอแถวนั้นมาก่อจนเกิดไฟ อยากขอบคุณวิชาลูกเสือและวิชารักษาดินแดนที่ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์แบบนี้
“ เบ้บ เสื้อมันเปียก ถอดก่อนนะ ” เขมพูดขึ้น ก่อนจะเลื่อนมือไปจับที่ปลายเสื้อที่เปียกจนแนบเนื้อของจีน
“ มะ.. ไม่เอา ” แต่เจ้าตัวกลับรีบบ่ายเบี่ยง แล้วดันมือของเขมออก
“ สัญญาจะไม่ทำอะไร จริงๆนะครับ ” เขาส่งยิ้มหวานก่อนจะพูดซ้ำขึ้น จีนทำสายตาลอกแลกเหมือนใช้ความคิด
“ เห้ย เขมทำอะไร ” จีนรีบท้วงขึ้น หลังจากที่เขมถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก จนเห็นแผงอก มัดกล้าม และหน้าท้องเป็นลอนสวยจากแสงสลัวๆของกองไฟ
“ เบ้บใส่นี่ มันไม่เปียกเท่าไหร่ เดี๋ยวปอดบวม ” ไม่ทันขาดคำ เขมส่งมือไปรั้งเสื้อของคนตัวเล็กออก ถึงแม้จีนจะขัดก็ไม่สามารถสู้แรงของเขมได้อยู่ดี
เสื้อยืดของจีนหลุดพ้นออกเหนือลำคออย่างทุลักทุเล เนื้อตัวยกคงมีหยดน้ำประปรายปรกอยู่ เขมสะดุดตาเข้ากับยอดอกสีชมพูหวานที่มันยังคงติดตามาตั้งแต่ที่เราเคย.. กันครั้งที่แล้ว
“ เขม! ” จีนเบี่ยงตัวหนีเพื่อเลี่ยงสายตาเจ้าเล่ห์ของคนอย่างเขม เขมส่ายหน้าไล่ความคิดบ้าๆออกไป
“ ใครให้เบ้บน่าฟัดขนาดนี้อะ ” เขาตอบกลับอย่างขี้เล่น ก่อนจะนำเสื้อเชิ้ตของตนสวมใส่ให้กับจีนที่ยังคงอ่อนแรง
“ ไม่มีแรงขนาดนี้ เขมไม่กล้าทำอะไรหรอก ” เขมยกยิ้มอย่างยียวนเล็กน้อย ก่อนจะโดนมืออวบฟาดเข้าที่ไหล่เต็มแรง
“ โหเบ้บ เจ็บนะเนี่ย ”
“ อย่าพูดมาก ”
“ ถอดกางเกงด้วย มันเปียก เดี๋ยวยิ่งไข้ขึ้น ” เขมพูดขึ้น
“ จะบ้าหรอ ”
“ ไม่ต้องอายหรอก เคยเห็นหมดแล้ว ห่วงตัวเองก่อนได้มั้ยครับ ” เขมปรามขึ้นเบาๆก่อนจะเลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของจีน
“ บ้า.. ทำเองก็ได้ ” จีนหน้าขึ้นสีเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของคนตรงหน้าได้ เขาค่อยๆยันตัวนั่งและปลดกระดุมกางเกงของตัวเองออก แล้วค่อยๆดึงมันลงช้าๆอย่างอ่อนแรง โดยที่สายตานักล่ายังคงจับจ้องอย่างไม่วางตา
เซ็กซี่ชะมัด
“ พอเลยเบ้บ เขมทำให้ ” ไม่ทันขาดคำ เขมเลื่อนตัวไปดึงกางเกงยีนส์ตัวเก่งของจีนออกจนเห็นขาเรียวขาวที่ยังคงมีหยดน้ำปรกอยู่ทุกส่วน
“ อย่ามองดิ ”
“ จะพยายามนะครับ ” เขมตอบกลับ ก่อนจะนำกางเกงของอีกฝ่ายไปพาดตากไว้ที่โขดหินพร้อมๆกับเสื้อยืดของจีนที่เปียกชุ่ม
เขมหันกลับไปมองร่างของจีนที่ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับชั้นในตัวจิ๋วปกปิดส่วนล่างเอาไว้แล้วทำได้เพียงข่มใจ
อดทนไว้ไอ้เขม
“ เบ้บปวดหัวมากมั้ย ” เขมถามขึ้น พร้อมนั่งลงข้างๆคนตัวเล็ก จีนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ เขมเอนตัวลงนอนกับใบไม้ใหญ่ที่นำมารองไว้ ไม่ลืมที่จะส่งแขนออกไปข้างนึงให้ร่างเล็กได้นอนหนุน จีนซุกตัวเข้าหาเขมอย่างหาที่พักพิง
“ กลัว ” จีนพูดขึ้นแผ่วเบา แต่เพราะความเงียบทำให้เขมได้ยิน เขมลูบผมคนตัวเล็กแผ่วเบาก่อนจะโน้มหน้าลงประกบริมฝีปากสีแดงสดเพราะพิษไข้นั่นเบาๆ
“ ไม่ต้องกลัวนะ เขมอยู่ตรงนี้ ”
“ เขม.. ”
“ ไม่ไปไหนแล้วได้มั้ย ”
“ พอมีมึง.. แล้วกูอุ่นใจมากเลย ” จีนค่อยๆเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ เขมไม่ไปไหนหรอก ขอโทษนะเบ้บ เขมรักเบ้บมากเลยนะ ”
“ อื้อ ”
“ เบ้บ ไม่ว่าใครจะพูดอะไร เบ้บก็จะยังอยากอยู่ตรงนี้กับเขมใช่มั้ย ”
“ ถ้าไม่ใช่เพราะเรา ก็จะ.. จะไม่ฟังแล้ว ” จีนน้ำตาไหลลงอาบแก้มช้าๆ เขมเลื่อนมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มใสช้าๆ ก่อนจะส่งยิ้ม
“ เขมรักเบ้บนะ รักเบ้บจริงๆ ”
“ เบ้บที่เป็นจีน ที่เป็นจีนตั้งแต่แรก ” เขมพูดย้ำขึ้น จีนพยักหน้ารับ
“ ขอโทษนะ ทุกเรื่อง ”
“ เราเริ่ม.. กันใหม่ ทันใช่มั้ย ” จีนถามขึ้น
“ ได้สิครับเบ้บ ” เขมตอบกลับ ก่อนจะกดจูบลงบนเปลือกตาของคนตัวเล็กเบาๆ
“ จีนรักเขมนะ ” เขมยิ้มรับ
“ เขมก็รักจีนนะครับ ” ทั้งสองคนต่างยิ้มรับกับความรู้สึกเก่าที่กำลังจะกลับมาเริ่มวนใหม่อีกครั้ง เขมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากหยักของตนลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม ค่อยๆชิมและกลืนกินรสชาติความหอมหวานละมุนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจีน ลิ้นร้อนพันเกี่ยวหยอกล้อกันอย่าสะเปะสะปะ จีนเลื่อนมือไปวางไว้บนบ่าของอีกฝ่ายแล้วบีบลงเบาๆ ส่วนเขมเลื่อนก็เลื่อนมือลูบไล้ร่างขาวบางไปเสียทุกส่วน
คืนนี้คงเป็นคืนแรก
และคงเป็นครั้งแรก
ที่จีนจะได้รับความทรงจำที่ดีใหม่
ที่ทะเล : )
—
- ฝากกลับไปคอมเม้นท์ขอฟีดแบคหรือจะสกรีมในแท็กทวิตเตอร์เหมือนเดิมก็ได้นะคะ รักเสมอ
เปิดวาร์ป #ไม่ต่างหลินฮุน http://www.joylada.com/story/5a0b2baf46d6f80001f3400b
สู้ๆนาคา
สู้ๆนาคา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น